เปิดบริการ
จันทร์ – เสาร์ 10.00 – 19.00 น.
รายการตรวจสุขภาพ | |
---|---|
บริการเอชไอวี (HIV services) | ราคา |
• ตรวจคัดกรองเอชไอวี (Anti-HIV Ab/Ag) | 300 บาท |
• ตรวจคัดกรองเอชไอวี โดยวิธี NAT | 1,980 บาท |
• ตรวจหาจำนวนเม็ดเลือดขาว CD4 (CD4 Count) | 660 บาท |
• ตรวจหาปริมาณไวรัส (HIV Viral load ) | 1,980 บาท |
• ตรวจหาการดื้อยา (HIV Drug Resistance) | 9,120 บาท |
• บริการเพร็พ (PrEP)
| เริ่มต้น 600 บาท (เฉพาะค่ายา) |
• บริการเป๊ป (PEP)
| เริ่มต้น 960 บาท (เฉพาะค่ายา) |
• ยาต้านไวรัสเอชไอวี (ART) | เริ่มต้น 960 บาท |
บริการโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่นๆ (Other STIs services) | ราคา |
• ตรวจคัดกรองซิฟิลิส (Treponemal Test) | 300 บาท |
• ตรวจระดับการติดเชื้อซิฟิลิส (RPR Test) | 135 บาท |
• ตรวจยืนยันการติดเชื้อซิฟิลิส (RPR and Titer Test) | 300 บาท |
• ตรวจยืนยันเชื้อซิฟิลิส (TPPA) | 500 บาท |
• รักษาซิฟิลิสด้วยการฉีด 1-3 ครั้ง (Treatment) | เริ่มต้น 335 บาท (เฉพาะค่ายาไม่รวมค่าบริการต่างๆ) |
• ตรวจสารพันธุกรรมหนองใน หนองในเทียม (CT/NG NAAT) | 1,ุ620 บาท |
• ตรวจหาเชื้อหนองในจากหนอง (Gram Stain) | 120 บาท |
• รักษาหนองใน หนองในเทียม (Gonorrhea/Chlamydia treatment) | 300-648 บาท |
ตรวจโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ 11 รายการ
• หนองใน (Neisseria gonorrhoeae)
• หนองในเทียม (Chlamydia trachomatis serovars A-K )
• ฝีมะม่วง (Chlamydia trachomatis serovars L1-3 LGV)
• หนองในเทียม (Mycoplasma genitalium)
• หนองในเทียม (Mycoplasma hominis)
• หนองในเทียม (Ureaplasma urealyticum / parvum)
• แผลริมอ่อน (Haemophilus ducreyi)
• เริม (Herpes simplex virus 1)
• เริม (Herpes simplex virus 2)
• ซิฟิลิส (Treponema pallidum)
• พยาธิช่องคลอด
(Trichomonas vaginalis)
| 2,400 บาท |
• รักษาหูดด้วยยาทา (Wart Topical treatment) | เริ่มต้น 100 บาท (เฉพาะค่ายาไม่รวมค่าบริการต่างๆ) |
• จี้รักษาหูดแบบอินฟราเรด (Wart Infrared coagulation) | 1,800 บาท/ครั้ง |
บริการไวรัสตับอักเสบ (Hepatitis) | ราคา |
• ตรวจหาภูมิต้านทานไวรัสตับอักเสบเอ (Anti-HAV) | 530 บาท |
• ตรวจหาการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี (HBsAg) | 240 บาท |
• ตรวจหาภูมิต้านทานไวรัสตับอักเสบบี (Anti-HBs) | 265 บาท |
• ตรวจหาภูมิต้านทานไวรัสตับอักเสบซี (Anti-HCV) | 480 บาท |
• ตรวจหาปริมาณไวรัสตับอักเสบซี (HCV Viral Load) | 2,040 บาท |
บริการตรวจภายในและคัดกรองมะเร็ง (Cancer screening and Ano-genital examination) | ราคา |
• ตรวจหาเชื้อเอชพีวี (HPV DNA)
แนะนำในหญิง > 30ปี
| 1,800 บาท |
• ตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก (Vaginal Pap smear) | 600 บาท |
• ตรวจคัดกรองมะเร็งปากทวารหนัก (Anal Pap Smear) | 600 บาท |
• ตรวจภายในช่องคลอด/ช่องคลอดใหม่ (Neovaginal Pap smear) | 600 บาท |
• ส่องดูภายในทวารหนัก (Anoscopy) | 250 บาท |
• ตรวจทวารหนักด้วยกล้องคุณภาพสูง (HRA) | 1,000 บาท |
บริการวัคซีน (Vaccines) | ราคา |
• วัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบเอ
(Hepatitis A Vaccine) | 1,770 บาท/เข็ม (เฉพาะค่ายา) หรือแพ็คเก็จ 3,900 (ราคาต่อเข็มเฉพาะค่ายาไม่รวมค่าฉีด,บริการ,แพทย์) |
• วัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบบี
(Hepatitis B Vaccine) | 530 บาท/เข็ม (เฉพาะค่ายา) หรือแพ็คเก็จ 2,100 (ราคาต่อเข็มเฉพาะค่ายาไม่รวมค่าฉีด,บริการ,แพทย์) |
• วัคซีนป้องกันไวรัสเอชพีวี ชนิด 4 สายพันธุ์
(HPV Vaccine: Gardasil 4) | 3,160 บาท/เข็ม (เฉพาะค่ายา) หรือแพ็คเก็จ 9,900 (ราคาต่อเข็มเฉพาะค่ายาไม่รวมค่าฉีด,บริการ,แพทย์) |
• วัคซีนป้องกันไวรัสเอชพีวี ชนิด 9 สายพันธุ์
(HPV Vaccine: Gardasil 9) | 6,899 บาท/เข็ม (เฉพาะค่ายา) หรือแพ็คเก็จ 19,999 |
• วัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ (Influenza Vaccine) | 530 บาท/เข็ม (ราคาต่อเข็มเฉพาะค่ายาไม่รวมค่าฉีด,บริการ,แพทย์) |
บริการตรวจสุขภาพอื่นๆ (Other health check ups) | ราคา |
• ตรวจการทำงานของตับ (Liver functions) | 120 บาท |
• ตรวจการทำงานของไต (Kidney functions) | 120 บาท |
• ตรวจระดับไขมันคอเลสเตอรอล (Cholesterol) | 120 บาท |
• ตรวจระดับไขมันดี (High Density Lipoprotein: HDL) | 180 บาท |
• ตรวจระดับไขมันไม่ดี (Low Density Lipoprotein: LDL) | 180 บาท |
• ตรวจระดับไขมันไตรกลีเซอไรด์ (Triglyceride) | 160 บาท |
• ตรวจวัดระดับน้ำตาลในเลือด (Fast blood Sugar) | 120 บาท |
• ตรวจวัดระดับน้ำตาลสะสมในเลือด (HbA1C) | 385 บาท |
• ตรวจหาความสมบูรณ์ของเม็ดเลือด (Complete blood count) | 240 บาท |
หมายเหตุุ : ค่าตรวจสุุขภาพและรักษาทั้งหมดยังไม่รวมค่าบริการทางการแพทย์, ค่าบริการทั่วไปและค่าบริการฉีดยา
ค่าบริการอาจเปลี่ยนแปลงได้ กรุณาติดต่อเจ้าหน้าที่เพื่อขอรายละเอียดเพิ่มเติมก่อนรับบริการ |
ดาวน์โหลดรายการบริการได้ที่นี่
Download services menu here << click here >>
ดาวน์โหลดรายการราคายาได้ที่นี่
Download the drug price here << click here >>
เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า
คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น
ยอมรับทั้งหมดตรวจโดยการเจาะเลือด มี 2 วิธี ได้แก่
1.วิธี Anti-HIV : ตรวจหาภูมิคุ้มกันที่ตอบสนองกับเชื้อ HIV สามารถตรวจได้ตั้งแต่ 1 เดือนหลังมีความเสี่ยง
2.วิธี NAT : ตรวจหาสารพันธุกรรมของเชื้อ HIV สามารถตรวจได้ตั้งแต่ 1-2 สัปดาห์หลังมีความเสี่ยง
เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง
ตรวจหาปริมาณเม็ดเลือดขาว CD4 โดยการเจาะเลือด สำหรับผู้ที่อยู่ร่วมกับ HIV หากมีระดับ CD 4 ต่ำกว่า 200 จะทำให้มีโอกาสติดเชื้อฉวยโอกาสได้ง่าย เนื่องจากอยู่ในภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง และหากผู้ที่อยู่ร่วมกับ HIV ได้รับยาต้านไวรัสต่อเนื่องจะมีค่า CD4 คงที่อยู่ที่ระดับ 500-600
เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง
หรือ Viral Load ในผู้อยู่ร่วมกับ HIV เป็นการตรวจหาปริมาณไวรัส HIV ในเลือด เพื่อประเมินว่าร่างกายสามารถควบคุมปริมาณไวรัสได้มากน้อยเพียงใด
หากได้รับยาต้านไวรัสต่อเนื่องจะทำให้จำนวน Viral Load ต่ำมากๆจนไม่สามารถตรวจวัดได้
เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง
รับ PrEP (Pre-Exposure Prophylaxis) ยาป้องกันการรับเชื้อ HIV ก่อนการสัมผัสเชื้อ สำหรับผู้ที่ยังไม่เคยมีเชื้อเท่านั้น โดยเป็นการรับประทานต่อเนื่องอย่างถูกต้องตามแพทย์แนะนำ
เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง
รับ PEP (Post-Exposure Prophylaxis) ยาป้องกันการรับเชื้อ HIV ในกรณีฉุกเฉิน หลังการสัมผัสเชื้อ สำหรับผู้ที่รับความเสี่ยงมา ภายใน 72 ชั่วโมง และต้องทานต่อเนื่อง 28 วัน
เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง
ยาต้านไวรัสสำหรับผู้ที่มีเชื้อ HIV โดยจะทำหน้าที่ช่วยลดระดับจำนวนไวรัสลง
หากรับประทานยาตามคำแนะนำของแพทย์อย่างต่อเนื่องจะเข้าสู่สถานะ U=U หรือ ตรวจไม่พบเชื้อ = ไม่แพร่เชื้อ
เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง
ซิฟิลิสเกิดจากเชื้อแบคทีเรียทริปโปนีมา พัลลิดุม (Treponema pallidum)
สามารถติดต่อผ่านทางเพศสัมพันธ์หรือการสัมผัสเชื้อ
ตรวจหาแอนติบอดี้ที่ก่อเชื้อโรคซิฟิลิสโดยการเจาะเลือด ทราบผลภายใน 1 ชั่วโมง
เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง
ระยะแรก จะมีแผลที่อวัยวะเพศ มีขอบแข็ง ไม่มีอาการเจ็บปวด
ระยะที่ 2 จะพบผื่นที่ลำตัว ฝ่ามือ ฝ่าเท้า อาจมีปื้นสีขาวในช่องปาก จะอยู่ในช่วง 6 สัปดาห์- 6 เดือน หลังได้รับเชื้อ
ระยะที่ 3 เชื้อจะแพร่กระจายไปทั่วร่างกาย ส่งผลต่อการทำงานของสมอง ดวงตา หัวใจ ไขสันหลังและกระดูก ระยะนี้อยู่ในช่วง 10 ปีขึ้นไป
เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง
ตรวจยืนยันโดยการเจาะเลือดหาแอนติบอดีต่อเชื้อซิฟิลิส ซึ่งจะสามารถคงอยู่ในร่างกายได้นานหลายปี
จึงสามารถตรวจทราบถึงการติดเชื้อในอดีตได้
เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง
รักษาได้โดยการฉีดยาเบนซาทีน เพนนิซิลิน จี (Benzathine Penicillin G) 2.4 ล้านยูนิต
เข้ากล้ามเนื้อสะโพกทั้ง 2 ข้าง
ควรนำคู่นอนมาตรวจด้วยแม้ไม่มีอาการ และหลังการรักษาควรงดมีเพศสัมพันธ์ประมาณ 1-2 สัปดาห์
หรือใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งในทุกช่องทาง เพราะในระยะดังกล่าวยังสามารถแพร่เชื้อได้
เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง
ตรวจคัดกรองด้วยการเก็บตัวอย่างส่งตรวจจากบริเวณลำคอ ช่องคลอด หรือช่องคลอดใหม่ ทวารหนัก และ/หรือจากปัสสาวะ
ทราบผลตรวจภายใน 2 ชั่วโมง
เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง
ตรวจโดยการเก็บตัวอย่างหนองไปส่งตรวจหาเชื้อแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดหนองใน
เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง
รักษาให้หายได้โดยใช้ยาปฏิชีวนะ
เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง
หูดหงอนไก่เกิดจากการติดเชื้อ HPV หากมีอาการสามารถรักษาได้ด้วยยาทา หรือรักษาด้วยการผ่าตัด เช่น จี้ไฟฟ้า
รังสีอินฟราเรด (Infrared) หรือ เลเซอร์ (Laser) และควรนำคู่มาตรวจร่างกายด้วย
สามารถป้องกันได้ด้วยการฉีดวัคซีน HPV และตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกและมะเร็งทวารหนักตามข้อบ่งชี้ของแต่ละคน เป็นประจำทุกปี
เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง
หูดหงอนไก่ (Genital warts) และเชื้อเอชพีวี (HPV) , มะเร็งปากทวารหนัก (Anal Cancer)
ตรวจหาภูมิต้านทานก่อนฉีดวัคซีน โดยสามารถเลือกตรวจได้หลายวิธี ได้แก่
1.ตรวจภูมิต้านทานระยะยาว (Anti-HAV IgG) จะได้ผลเป็น Positive ในกรณีที่เคยฉีดวัคซีนหรือเคยรักษาไวรัสตับอักเสบ เอ จนหายแล้ว
2.ตรวจสารก่อภูมิต้านทาน (Anti-HAV IgM) สำหรับแพทย์ตรวจในคนไข้ที่ต้องสงสัยในโรค โดยผลจะเป็น positive ในกรณีที่มีการติิดเชื้อระยะเฉียบพลัน
3.ตรวจรวมภูมิต้านทานทั้ง 2 ชนิด หากผลแสดงว่ามีภูมิต้านทานแล้วจึงจะไม่จำเป็นต้องฉีดวัคซีน
เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง
หากไม่เคยฉีดวัคซีนป้องกัน แนะนำให้ตรวจคัดกรอง HBsAg ทุก 12 เดือน
หากต้องการฉีดวัคซีนให้ตรวจทั้ง HBsAg และ anti-HBs ก่อนฉีดวัคซีน
เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง
การตรวจหาภูมิต้านทานไวรัสตับอักเสบบี สามารถตรวจได้ทั้งแบบ
1.ตรวจสารก่อภูมิต้านทาน (HBsAg) หากตรวจพบเชื้อไวรัสตับอักเสบบีในร่างกาย ต้องพบแพทย์เพื่อรักษาต่อไป
2.ตรวจสารภูมิต้านทาน (Anti-HBs) ในกรณีเคยติดเชื้อจนหายแล้ว หรือเคยรับวัคซีนมาก่อน
3.การตรวจสารภูมิต้านทานชนิดหนึ่งที่บ่งบอกร่องรอยการติดเชื้อ (Anti-HBc)
ควรตรวจทั้ง HBsAg และ anti-HBs ก่อนฉีดวัคซีน
เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง
การตรวจภูมิต้านทาน (anti-HCV ) กรณีเป็น positive หมายความว่ามีการติดเชื้ออยู่ในร่างกาย หรือเคยเป็นจนหายแล้ว
หาก anti-HCV มีผลเป็น Negative แปลว่า ไม่มีเชื้อและไม่เคยเป็นมาก่อน
ยังไม่มีวัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบซีได้
เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง
ตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกด้วยวิธีตรวจหาเชื้อเอชพีวี
เชื้อเอชพีวีสายพันธุ์เสี่ยงสูงเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งปากมดลูกและมะเร็งปากทวารหนัก การตรวจหาสารพันธุกรรมของเชื้อเอชพีวีสายพันธุ์เสี่ยงสูงจึงเป็นทางเลือกหนึ่งในการคัดกรองมะเร็งดังกล่าว โดยผู้รับบริการสามารถสว็อบด้วยตนเองได้ หากการตรวจให้ผลลบ ให้ตรวจซ้ำทุก 5 ปี
เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง
หูดหงอนไก่ (Genital warts) และเชื้อเอชพีวี (HPV) , มะเร็งปากทวารหนัก (Anal Cancer)
การตรวจแปปสเมียร์ (Pap smear, Pap test หรือ cytology) เป็นวิธีการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกวิธีหนึ่ง โดยแพทย์จะใช้เครื่องมือตรวจภายในและป้ายเซลล์จากปากมดลูกส่งตรวจหาเซลล์ผิดปกติซึ่งอาจทำให้เกิดมะเร็งได้ หากการตรวจให้ผลลบ ให้ตรวจซ้ำทุก 1-2 ปี
เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง
หูดหงอนไก่ (Genital warts) และเชื้อเอชพีวี (HPV) , มะเร็งปากมดลูก (Cervical Cancer)
การตรวจแปปสเมียร์ (anal Pap หรือ anal cytology) เป็นวิธีการตรวจคัดกรองมะเร็งปากทวารหนัก โดยแพทย์จะใช้ไม้พันสำลีใส่เข้าไปในทวารหนักเพื่อเก็บเซลล์ไปตรวจหาความผิดปกติของทวารหนัก หากการตรวจให้ผลลบ ให้ตรวจซ้ำทุก 1 ปี
เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง
รับวัคซีนเพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกันไวรัสตับอักเสบเอ แนะนำให้ตรวจภูมิต้านทานก่อนเข้ารับวัคซีน (เลือกตรวจได้หลายแบบตามที่แพทย์ให้คำแนะนำ)
1.ฉีดวัคซีนฉีด 2 เข็ม ห่างกัน 6 เดือน โดยไม่ต้องตรวจเลือดซ้ำหลังฉีดวัคซีน
2.หากไม่มาฉีดวัคซีนเข็ถัดไปตามนัด สามารถฉีดต่อได้เลยโดยไม่ต้องเริ่มใหม่
3.ผู้อยู่ร่วมกับ HIV ก็สามารถฉีดวัคซีนได้
เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง
รับวัคซีนเพื่อป้องกันไวรัสตับอักเสบบี สร้างภูมิคุ้มกันได้มากถึง 97% (หากรับวัคซีนครบ 3 เข็ม)
ควรตรวจทั้ง HBsAg และ anti-HBs ก่อนฉีดวัคซีน
เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง
สามารถป้องกันการเป็นหูดได้ 90% (ป้องกันสายพันธุ์ 6,11)
และป้องกันการเกิดมะเร็งได้ 70% (ป้องกันสายพันธุ์ 16,18)
1.อายุน้อยกว่า 15 ปี ฉีดวัคซีน 2 เข็ม โดยฉีดเดือนที่ 0 และ 6-12
2.อายุมากกว่า 15 ปี ฉีดวัคซีน 3 เข็ม โดยฉีดเดือนที่ 0, 1-2 และ 6
3.ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่องไม่ว่าอายุเท่าไร ฉีดวัคซีน 3 เข็ม เดือนที่ 0, 1-2 และ 6
เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง
สามารถป้องกันการเป็นหูดได้ 90% (ป้องกันสายพันธุ์ 6,11)
และป้องกันการเกิดมะเร็งได้ 80% (ป้องกันสายพันธุ์ 16,18,31,33,45,52 และ 58)
1.อายุน้อยกว่า 15 ปี ฉีดวัคซีน 2 เข็ม โดยฉีดเดือนที่ 0 และ 6-12
2.อายุมากกว่า 15 ปี ฉีดวัคซีน 3 เข็ม โดยฉีดเดือนที่ 0, 1-2 และ 6
3.ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่องไม่ว่าอายุเท่าไร ฉีดวัคซีน 3 เข็ม เดือนที่ 0, 1-2 และ 6
เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง
รับวัคซีนเพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกันป้องกันไข้หวัดใหญ่ หลังฉีดจะเกิดภูมิคุ้มกันมีอายุได้นาน 1 ปี
แนะนำให้ฉีดทุกปี ปีละ 1 ครั้ง
เป็นการใช้เครื่องมือสอดเข้าไปในช่องคลอดหรือช่องคลอดใหม่เพื่อตรวจหาความผิดปกติและส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการต่ออย่างเหมาะสม
เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง
หูดหงอนไก่ (Genital warts) และเชื้อเอชพีวี (HPV) , มะเร็งปากทวารหนัก (Anal Cancer)
เป็นการส่องกล้องเพื่อตรวจดูความผิดปกติภายในทวารหนัก เช่น หูดหงอนไก่ ฝี ริดสีดวง เพื่อวางแผนการรักษาต่อไป
เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง
หูดหงอนไก่ (Genital warts) และเชื้อเอชพีวี (HPV) , มะเร็งปากทวารหนัก (Anal Cancer)
ตรวจการทำงานของตับ เพื่อเช็คความพร้อมสำหรับผู้ที่รับยาใดๆ ต่อเนื่องเป็นระยะเวลาหนึ่ง
หากตรวจพบว่ามีค่าตับมีความผิดปกติแพทย์จะให้คำแนะนำและปรับแนวทางการรับยานั้นๆต่อไป
ควรตรวจทุก 3 เดือนในปีแรก หรือทุก 6 เดือนในปีถัดไป หรือตามแพทย์แนะนำ
ตรวจการทำงานของไต เพื่อเช็คความพร้อมสำหรับผู้ที่รับยาใดๆ ต่อเนื่องเป็นระยะเวลาหนึ่ง
หากตรวจพบว่ามีค่าไตมีความผิดปกติแพทย์จะให้คำแนะนำและปรับแนวทางการรับยานั้นๆต่อไป
ควรตรวจทุก 3 เดือนในปีแรก หรือทุก 6 เดือนในปีถัดไป หรือตามแพทย์แนะนำ
ตรวจเพื่อให้ทราบค่าไขมันในกระแสเลือดว่าอยู่ในระดับที่ปกติหรือไม่
หากทราบความผิดปกติแพทย์จะแนะนำแนวทางในการลดระดับไขมันลงมาให้เป็นปกติได้อย่างทันท่วงที
ควรตรวจทุก 3 เดือนในปีแรก หรือทุก 6 เดือนในปีถัดไป หรือตามแพทย์แนะนำ
ตรวจวัดระดับน้ำตาลในเลือดว่าสูงเกินกว่าปกติหรือไม่
หากพบว่ามีความผิดปกติแพทย์จะแนะนำแนวทางการปรับพฤติกรรมและการรักษาต่อไป
ควรงดน้ำและงดอาหารก่อนตรวจวัดระดับน้ำตาล 6 ชั่วโมง
เพื่อตรวจดูสุขภาพทั่วไป และตรวจหาโรคอื่นๆ ที่อาจเกิดขึ้น
ควรตรวจทุก 3 เดือนในปีแรก หรือทุก 6 เดือนในปีถัดไป หรือตามแพทย์แนะนำ
บริการตรวจคัดกรองภาวะซึมเศร้าเบื้องต้น บริการให้คำปรึกษาและประเมินด้านจิตใจ โดยจิตแพทย์และผู้ให้คำปรึกษาที่มีความเชี่ยวชาญด้านความหลากหลายทางเพศ รวมทั้งบริการส่งต่อเข้าสู่การรักษาในระบบโรงพยาบาลหรือการรักษาตามสิทธิ์